วัดภูพลานสูง | สำนักงานเทศบาลตำบลนาจะหลวย

Category: สถานที่สำคัญและแหล่งท่องเที่ยว
ที่อยู่
วัดภูพลานสูง บ้านหลักเมือง ตำบลนาจะหลวย อำเภอนาจะหลวย จังหวัดอุบลราชธานี  
เปิดบน Google Maps
เบอร์โทร
เบอร์มือถือ
อีเมล์

ประวัติวัดภูพลานสูง อำเภอนาจะหลวย จังหวัดอุบลราชธานี

วัดภูพลานสูง เป็นวัดในสังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย สถานที่ตั้งวัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2550 อยู่บนยอดเขาพลานสูงเทือกเขาภูจอง ห่างจากอำเภอนาจะหลวยไปทางทิศตะวันออกประมาณ 4 กิโลเมตร อยู่ในความอุปถัมภ์ของชาวบ้านหลักเมือง มีพระอาจารย์ภรังสี ฉนทโร เป็นเจ้าอาวาส

เนื่องจากสถานที่ตั้งของวัดเป็นที่สัปปายะ เป็นป่าเขาลำเนาไพรสงบวิเวก พระผู้ที่เริ่มสร้างวัด คือ พระครูวิบูลธรรมธาดา (กาว ธมฺมทินฺโน) ท่านได้บุกเบิกและสร้างเสนาสนะต่าง ๆ ที่จำเป็นในปี พ.ศ.2518 แม้จะอยู่ในช่วงที่ลำบาก แต่ด้วยความที่ท่านทราบคำทำนายจากคัมภีร์โบราณที่พระครูวิโรฒรัตโน ค้นพบว่าในภายภาคหน้าวัดภูพลานสูงจะมีความสำคัญเป็นวัดที่จะมีพระบรมสารีริกธาตุเสด็จมา จึงพยายามสร้างวัดนี้ขึ้นมา หลังจากนั้นบางปีก็มีพระมาจำพรรษา บางปีก็ไม่มี

จนกระทั่งปี พ.ศ.2542 ชาวบ้านหลักเมืองจึงได้พร้อมใจกันกราบอาราธนาให้หลวงพ่อภรังสี ซึ่งประจำอยู่ที่วัดป่าบ้านคำบอนขึ้นมาดูแลวัดภูพลานสูงเพื่อนำพาสาธุชนบูรณปฏิสังขรณ์วัดสืบต่อไป หลวงพ่อท่านจึงส่งพระลูกศิษย์มา แต่ด้วยความยากลำบากทำให้พระสงฆ์สามเณรอยู่จำพรรษาไม่ได้

ในปี พ.ศ. 2543-2545 หลวงพ่อภรังสีได้ขึ้นมาดูแลและทำการพัฒนาปรับปรุงวัด โดยมานำร่องอยู่ 2 ปี ท่านได้บุกเบิกทำถนนขึ้นสู่วัด จัดระเบียบต่าง ๆ ของวัดให้เป็นรูปเป็นรอย ทำความสะอาดบริเวณรอบ ๆ วัด และมอบหมายให้พระลูกศิษย์ดูแลแทน ส่วนหลวงพ่อได้กลับไปจำพรรษาที่วัดป่าบ้านคำบอนผลปรากฏว่าพระลูกศิษย์ไม่สามารถอยู่จำพรรษาได้ จึงทำให้หลวงพ่อขบคิดว่าทำไมวัดภูพลานสูงพระเณรอยู่ไม่ได้ท่านจึงขึ้นมาดูแลด้วยตัวท่านเองในปี พ.ศ. 2547 ก่อนเข้าพรรษาท่านได้สร้างกุฏิขึ้นมาหลังหนึ่งเพื่อใช้เป็นที่พำนักจำพรรษา จากนั้นหลวงพ่อภรังสีก็ได้เริ่มบูรณะซ่อมแซมสร้างเสนาสนะต่าง ๆ ขึ้นและนำพาญาติโยมประพฤติปฏิบัติธรรมเรื่อยมา พร้อมกับได้ค้นคว้าหาสาเหตุที่พระเณรมาอยู่ที่นี่ไม่ได้เป็นเพราะเหตุใด จนได้ทราบสาเหตุ ต่อมาสิ่งศักดิ์สิทธิ์อันเกี่ยวเนื่องด้วยองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าได้ เสด็จมาสู่วัดภูพลานสูงตามคำทำนายของคัมภีร์โบราณหลวงพ่อได้บอกศิษยานุศิษย์มาร่วมรับเสด็จพระบรมสารีริกธาตุอย่างสมพระเกียรติ ปัจจุบันมีพุทธศาสนิกชนที่ทราบข่าวต่างพากันมากราบสักการะพระบรมสารีริกธาตุกันอย่างมากมาย

นอกจากนั้นแล้วยังพบรอยพระพุทธบาทเบื้องขวา รอยพระพุทธหัตถ์  มีเสนาสนะที่สำคัญ ได้แก่ ศาลาวิบูลธรรมธาดานุสรณ์ มหามณฑปครอบรอยพระพุทธบาท และหน้าผาประวัติศาสตร์จารึกเรื่องราวต่าง ๆ ในพระคัมภีร์โบราณ 

ประวัติรอยพระพุทธบาท (น้ำบุ้น) วัดภูพลานสูง

ในสมัยครั้งพุทธกาล สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงเสด็จมาที่ภูพลานสูง เมื่อทรงมีพระชนมายุ 50 พรรษา โดยมีพระมหากัสสปะ พระโมคคัลลานะ พระสิวลี พระอานนท์ ตามเสด็จพระพุทธองค์ทรงเสด็จแสดงธรรมโปรดพระเทวจักร กิจจิโก ให้บรรลุพระอรหันต์ที่ถ้ำพระสาวก แล้วเสด็จประทับรอยพระบาทไว้ตรงนี้ พระสิวลีได้นำดินมาจากอินเดีย และแร่สามชนิดมาผสมกันเพื่อรองรับรอยพระพุทธบาท

การค้นพบรอยพระพุทธบาท (น้ำบุ้น) วัดภูพลานสูง

จากการได้ศึกษาพระคัมภีร์โบราณทำให้ทราบตำแหน่งรอยพระพุทธบาทในคืนวันที่ 28 กันยายน 2549 (ขึ้น 6 ค่ำ เดือน 11 ปีจอ) หลวงพ่อภรังสี ฉนฺทโร พร้อมพระลูกศิษย์ 4  รูป ฆารวาส 3 คน ขึ้นไปค้นหาที่ข้างบ่อน้ำบุ้น หลวงพ่อสวดมนต์เจริญภาวนา มีดาวตกลงมาที่พื้นดิน พระลูกศิษย์จึงพากันไปสำรวจดึงรากไม้ออกมา จึงได้พบรอยพระพุทธบาทมีลักษณะคล้ายดอกบัวสีขาวนิ่ม ต่อมาเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลและแข็งตัวขึ้นตามลำดับ หลวงพ่อได้ประกอบพิธีไหว้พระสวดมนต์ถวายในเบื้องต้น รุ่งเช้าญาติโยมจึงขึ้นมาช่วยกันทำความสะอาดรอบ ๆ บริเวณและได้ก่ออิฐฉาบปูนรอบรอยพระพุทธบาทเพื่อป้องกันการเสียหาย ต่อมาได้ทำพิธีเปิดเป็นทางการเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2549 (แรม 1 เดือน 11 ปีจอ) ท่ามกลางพุทธบริษัทที่มาร่วมงานกว่า 500 คน อยู่ห่างจากวัดภูพลานสูงไปทางทิศใต้ประมาณ 3 กิโลเมตร

พระโตโคตรมะ วัดภูพลานสูง

พระอาจารย์ภรังสี ฉนทโร ได้ประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์เพื่อสร้างพระโตโคตรมะในวันที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2548 และดำเนินการสร้าง เมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2549 ครอบบริเวณที่พระโตโคตรมะจมอยู่ มีขนาดหน้าตักกว้าง 7.69 เมตร สูง 9.29 เมตร เพื่อเป็นตัวแทนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า การก่อสร้างโดยการนำของพระอาจารย์คูณ ร่วมกับพระลูกศิษย์ และผู้มีจิตศรัทธาเลื่อมใสมาร่วมกันสร้างโดยไม่คิดค่าแรง ก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2550